ต้องบอกก่อนว่าที่มาตั้งกระทู้นี้เพราะอยากให้คนที่อยู่จังหวัดอื่นๆได้รู้ ถึงสถาณการณ์ในจังหวัดเราในตอนนี้
เเละอยากให้ทุกคนช่วยกัน ให้ความหวาดระแวงจากโรคนี้นี้มันหมดไปจากชีวิตพวกเราซะที
ต้องขอเกริ่นประวัติการทำงานของแม่เราก่อน
-แม่เราทำงานเป็นแม่บ้านที่นี่มาเกือบ20ปีแล้ว
-แม่เราหยุดงานน้อยมาก ต้องป่วยหรือมีธุระจริงเท่านั้นถึงจะหยุด
และเพราะความตั้งใจทำงานและไม่ค่อยหยุดงาน
จึงทำให้แม่เคยได้พนง.ดีเด่นด้วยซ้ำ
เข้าเรื่องเลยละกัน
เมื่อประมาณเกือบ3อาทิตย์ที่แล้วมีการตรวจพบพนง.ในบริษัทที่แม่ทำงานติดโควิด
หลังจากนั้นก็มีการใช้แม่บ้านให้ไปทำความสะอาดบริเวณที่พนง.คนนั้นทำงานอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าแม่เราก็เป็นหนึ่งในนั้น
และอีกไม่กี่วันต่อมาก็มีการตรวจพบโควิดในพนง.คนอื่นๆ ที่ทำงานใกล้ๆกับพนง.คนแรกที่ป่วยอีกหลายคน
หลังจากมีการพบว่ามีคนอื่นติดเชื้อจากพนง.คนแรก
ทางบริษัทก็ได้มีการหยุดการทำงาน และให้พนง.ไปตรวจที่บริษัทในวันรุ่งขึ้น
เรื่องนี้ทำเราหงุดหงิดมาก เพราะเขาตรวจกันวันศุกร์แต่กว่าผลตรวจจะออกก็ตั้งวันจันทร์
ซึ่งมีเพื่อนที่เป็นแม่บ้านเหมือนแม่เขาไปตรวจกันที่รพ.ในวันพฤหัส แต่วันศุกร์ทางรพ.ก็โทรมาแจ้งแล้วว่าติดเชื้อหรือไม่ ซึ่งแน่นอนเพื่อนแม่บ้านคนที่ไปตรวจที่รพ.ติดเชื้อกันหลายคน
ต้องบอกว่า2วันที่รอผลตรวจ เรานี่อยู่กันไม่เป็นสุข
เพื่อนที่ทำงานกับแม่เราก็เป็นกันไปหลายคนแล้ว
แล้วแม่เราล่ะติดมั้ย แล้วถ้าแม่เราติดไปก่อนหน้านี้แล้ว คนในบ้านจะติดและได้ไปแผ่เชื้อต่อมั้ย
ตัดภาพมาที่วันจันทร์ ที่เป็นวันผลตรวจออก ก็มีคนโทรมาหาแม่ทั้งวัน
ทุกครั้งที่มีสายเข้า ทุกคนในบ้านจะเงียบและรอฟังว่าใครโทรมาและใช่รพ.มั้ย
แต่สุดท้ายก็มีข่าวดีคือแม่เราไม่ติด แต่พวกเราทุกคนก็ต้องกักบริเวณตัวเองกัน เพราะกลัวว่ามันอาจจะอยู่ในช่วงเพาะเชื้อ
ขออธิบายวันที่เหตุการณ์คร่าวๆ
วันที่20มกรา มีข่าวลือว่ามีคนที่บริษัทติดเชื้อจากคนแรก
วันที่21 ทำงานครึ่งวัน เพราะเจอคนติดเชื้อจริงๆ
วันที่22 เช้านัดไปตรวจที่บริษัท
วันที่25 ผลตรวจออกซึ่งมีอีกหลายคนมากที่ติดเชื้อ
และหลังจากวันนี้ก็พบคนป่วยเพิ่มอีกเรื่อยๆ ซึ่งเป็นคนในบริษัทเดียวกัน
วันที่1กุมภา บริษัทเปิดทำงานปกติ
ทางที่ทำงานก็โทรมาถามแม่ว่าจะมาทำงานไหม
เราไม่ยอมให้แม่ไป บอกให้แม่หยุดไปก่อน
เพราะแม่เราอายุเยอะแล้ว จะเสี่ยงกว่าคนปกติ
วันที่3 ก็มีการโทรมาถามอีกว่าจะมาทำงานวันไหนแม่เราก็ยังไม่ได้ให้คำตอบ เพราะเราขอไว้
วันที่4 หัวหน้าแม่เรา ที่นอนติดเชื้ออยู่รพ. โทรมาบอกว่าถ้าแม่ไม่ไปก็ให้ไปเขียนใบลาออกซะ
หลังจากวางสาย แม่เรานี่ร้องไห้เลย เขารักงานของเขาและทำงานที่นี่มาก็นาน ไม่คิดว่าจะต้องมาออกเพราะมีเหตุการณ์แบบนี้
เราก็บอกแม่ว่าให้แม่ออกเลย หนูไม่ให้ไปนะถ้าเขาบังคับให้ไปพรุ่งนี้ หนูเลี้ยงได้
ถ้าต้องไปแล้วตายขึ้นมามันคุ้มกับค่าแรงวันละ300กว่าบาทหรอ ชีวิตแม่ทั้งคนนะ ไปแล้วเป็นอะไรขึ้นมาพวกหนูจะอยู่อย่างไง
แม่เราร้องไห้แล้วบอกว่า ที่แม่ยอมไม่ไปเพราะกลัวไปเอาเชื้อมาติดคนที่บ้าน แม่แค่อยากรอให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้แม่ถึงจะไป
นี่ปิดไปแค่อาทิตย์กว่าเองก็เปิดทำงานปกติแล้ว คนติดเชื้อส่วนใหญ่ยังนอนรักษาตัวกันอยู่เลย
และนี่ก็คือผลกระทบเกิดขึ้นในครอบครัวเรา ที่อาจจะดูเล็กมาก ถ้าเทียบกับหลายคนที่เกิดจากโรคนี้
มันต้องมีคนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เยอะมากๆอยู่แล้ว ทั้งเรื่องรายได้และชีวิตประจำวัน
แต่คำถามคือพวกเราในจังหวัดต้องใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดกลัวแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ถ้าทุกจังหวัดเป็นแบบสมุทรสาครจะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าติดแล้วเรื่องค่ารักษาและรายได้ที่เสียไประหว่างนี้มันจะยังไง ทุกวันนี้เราเชื่อว่าทุกคนได้รับผลกระทบหมด ไม่ว่าทางใดก็ทางนึง
สิ่งที่พวกเราทำได้มากสุดก็คงแค่ดูแลตัวเองกับคนใกล้ชิดให้ดี กับทำประกันโรคนี้ไว้ และทนใช้ชีวิตของพวกเรากับความเสี่ยงนี้ต่อไปใช่ไหม
ประสบการ์ณเสี่ยงติดโควิดในจ.สมุทรสาครและความเห็นแก่ตัวของผู้ประกอบการบางบริษัท
เเละอยากให้ทุกคนช่วยกัน ให้ความหวาดระแวงจากโรคนี้นี้มันหมดไปจากชีวิตพวกเราซะที
ต้องขอเกริ่นประวัติการทำงานของแม่เราก่อน
-แม่เราทำงานเป็นแม่บ้านที่นี่มาเกือบ20ปีแล้ว
-แม่เราหยุดงานน้อยมาก ต้องป่วยหรือมีธุระจริงเท่านั้นถึงจะหยุด
และเพราะความตั้งใจทำงานและไม่ค่อยหยุดงาน
จึงทำให้แม่เคยได้พนง.ดีเด่นด้วยซ้ำ
เข้าเรื่องเลยละกัน
เมื่อประมาณเกือบ3อาทิตย์ที่แล้วมีการตรวจพบพนง.ในบริษัทที่แม่ทำงานติดโควิด
หลังจากนั้นก็มีการใช้แม่บ้านให้ไปทำความสะอาดบริเวณที่พนง.คนนั้นทำงานอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าแม่เราก็เป็นหนึ่งในนั้น
และอีกไม่กี่วันต่อมาก็มีการตรวจพบโควิดในพนง.คนอื่นๆ ที่ทำงานใกล้ๆกับพนง.คนแรกที่ป่วยอีกหลายคน
หลังจากมีการพบว่ามีคนอื่นติดเชื้อจากพนง.คนแรก
ทางบริษัทก็ได้มีการหยุดการทำงาน และให้พนง.ไปตรวจที่บริษัทในวันรุ่งขึ้น
เรื่องนี้ทำเราหงุดหงิดมาก เพราะเขาตรวจกันวันศุกร์แต่กว่าผลตรวจจะออกก็ตั้งวันจันทร์
ซึ่งมีเพื่อนที่เป็นแม่บ้านเหมือนแม่เขาไปตรวจกันที่รพ.ในวันพฤหัส แต่วันศุกร์ทางรพ.ก็โทรมาแจ้งแล้วว่าติดเชื้อหรือไม่ ซึ่งแน่นอนเพื่อนแม่บ้านคนที่ไปตรวจที่รพ.ติดเชื้อกันหลายคน
ต้องบอกว่า2วันที่รอผลตรวจ เรานี่อยู่กันไม่เป็นสุข
เพื่อนที่ทำงานกับแม่เราก็เป็นกันไปหลายคนแล้ว
แล้วแม่เราล่ะติดมั้ย แล้วถ้าแม่เราติดไปก่อนหน้านี้แล้ว คนในบ้านจะติดและได้ไปแผ่เชื้อต่อมั้ย
ตัดภาพมาที่วันจันทร์ ที่เป็นวันผลตรวจออก ก็มีคนโทรมาหาแม่ทั้งวัน
ทุกครั้งที่มีสายเข้า ทุกคนในบ้านจะเงียบและรอฟังว่าใครโทรมาและใช่รพ.มั้ย
แต่สุดท้ายก็มีข่าวดีคือแม่เราไม่ติด แต่พวกเราทุกคนก็ต้องกักบริเวณตัวเองกัน เพราะกลัวว่ามันอาจจะอยู่ในช่วงเพาะเชื้อ
ขออธิบายวันที่เหตุการณ์คร่าวๆ
วันที่20มกรา มีข่าวลือว่ามีคนที่บริษัทติดเชื้อจากคนแรก
วันที่21 ทำงานครึ่งวัน เพราะเจอคนติดเชื้อจริงๆ
วันที่22 เช้านัดไปตรวจที่บริษัท
วันที่25 ผลตรวจออกซึ่งมีอีกหลายคนมากที่ติดเชื้อ
และหลังจากวันนี้ก็พบคนป่วยเพิ่มอีกเรื่อยๆ ซึ่งเป็นคนในบริษัทเดียวกัน
วันที่1กุมภา บริษัทเปิดทำงานปกติ
ทางที่ทำงานก็โทรมาถามแม่ว่าจะมาทำงานไหม
เราไม่ยอมให้แม่ไป บอกให้แม่หยุดไปก่อน
เพราะแม่เราอายุเยอะแล้ว จะเสี่ยงกว่าคนปกติ
วันที่3 ก็มีการโทรมาถามอีกว่าจะมาทำงานวันไหนแม่เราก็ยังไม่ได้ให้คำตอบ เพราะเราขอไว้
วันที่4 หัวหน้าแม่เรา ที่นอนติดเชื้ออยู่รพ. โทรมาบอกว่าถ้าแม่ไม่ไปก็ให้ไปเขียนใบลาออกซะ
หลังจากวางสาย แม่เรานี่ร้องไห้เลย เขารักงานของเขาและทำงานที่นี่มาก็นาน ไม่คิดว่าจะต้องมาออกเพราะมีเหตุการณ์แบบนี้
เราก็บอกแม่ว่าให้แม่ออกเลย หนูไม่ให้ไปนะถ้าเขาบังคับให้ไปพรุ่งนี้ หนูเลี้ยงได้
ถ้าต้องไปแล้วตายขึ้นมามันคุ้มกับค่าแรงวันละ300กว่าบาทหรอ ชีวิตแม่ทั้งคนนะ ไปแล้วเป็นอะไรขึ้นมาพวกหนูจะอยู่อย่างไง
แม่เราร้องไห้แล้วบอกว่า ที่แม่ยอมไม่ไปเพราะกลัวไปเอาเชื้อมาติดคนที่บ้าน แม่แค่อยากรอให้สถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้แม่ถึงจะไป
นี่ปิดไปแค่อาทิตย์กว่าเองก็เปิดทำงานปกติแล้ว คนติดเชื้อส่วนใหญ่ยังนอนรักษาตัวกันอยู่เลย
และนี่ก็คือผลกระทบเกิดขึ้นในครอบครัวเรา ที่อาจจะดูเล็กมาก ถ้าเทียบกับหลายคนที่เกิดจากโรคนี้
มันต้องมีคนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้เยอะมากๆอยู่แล้ว ทั้งเรื่องรายได้และชีวิตประจำวัน
แต่คำถามคือพวกเราในจังหวัดต้องใช้ชีวิตอยู่กับความหวาดกลัวแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ถ้าทุกจังหวัดเป็นแบบสมุทรสาครจะเกิดอะไรขึ้น
ถ้าติดแล้วเรื่องค่ารักษาและรายได้ที่เสียไประหว่างนี้มันจะยังไง ทุกวันนี้เราเชื่อว่าทุกคนได้รับผลกระทบหมด ไม่ว่าทางใดก็ทางนึง
สิ่งที่พวกเราทำได้มากสุดก็คงแค่ดูแลตัวเองกับคนใกล้ชิดให้ดี กับทำประกันโรคนี้ไว้ และทนใช้ชีวิตของพวกเรากับความเสี่ยงนี้ต่อไปใช่ไหม